โอ้โหเพิ่งรู้นะเนี่ย บลูเบอร์รี่ ผลไม้วิเศษ ดีที่สุดของการถนอมสายตา


กระทรวงสาธารณสุขได้ทำการจิจัยทำสถิติ ซึงมีตัวเลขระบุว่าคนไทยไม่ต่ำกว่า 14 ล้านคนมีสายตาผิดปกติ ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้สายตาที่ไม่ถูกต้องและมากเกินไป รวมไปถึงผลกระทบที่เกิดจากการใช้งานคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ IT เช่น กลุ่ม มือถือจอขนาดเล็ก สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ที่มีจอในการแสดงผล

กลุ่มที่มีปัญหาหนักที่สุดคือ กลุ่มที่เราเรียกว่า Gen S หรือ Generation of Screen เนื่องจากกลุ่มนี้เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี ที่ต้องใช้จอภาพในการแสดงผล เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ทำให้กลุ่มนี้มีความเสี่ยงจากปัญหาด้านสายตาสูงมากกว่ากลุ่มอื่นทั้งหมด


ว่ากัน ว่ากลุ่มคน Gen S เป็นกลุ่มสี่ยงที่มีแนวโน้มสูงมาก และจะเกิดปัญหาทางด้านสายตามากกว่าคนกลุ่ม อื่นๆ เพราะใช้เวลาส่วนมากถึง 80% ของชีวิตประจำวันกับการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน เล่นอินเตอร์เน็ต อีกทั้งยังใช้มือถือดูหนัง ฟังเพลง ถ่ายภาพ ถ่ายคลิปวีดีโอ ดูข้อมูลข่าวสาร เล่นเกมออนไลน์ แชตคุย Line กับเพื่อน ซึ่งผลจากงานวิจัยทางการแพทย์ในหลายๆประเทศ แจ้งตรงกันว่า แสงสว่างจากหน้าจออุปกรณ์เหล่านี้ เป็นตัวการทำร้ายดวงตาและสายตา โดยเฉพาะหากเป็นจอมือถือ และแท็บเล็ตที่ตัวหนังสือมีขนาดเล็ก ต้องอาศัยการเพ่งและจ้องเป็นเวลานานๆด้วยแล้ว จะทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก อย่างยิ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างมาก ที่จะก่อให้เกิดความเสื่อมของสายตาก่อนวัยอันควร


การรักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมของสายตา นอกจากจะต้องใช้เงินในการรักษาเยอะแล้ว ยังไม่สามารถที่จะทำให้สายตากลับมาดีเหมือนเดิมได้อีก โอกาสทำงานได้เหมือนปกติ 100% นั้น บอกได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้ ารป้องกันไม่ให้เกิดการเสื่อมของสายตา ก่อนวัยอันควรจึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ไม่ควรใช้สายตากับอุปกรณ์ที่มีแสงสว่างส่องเข้านัยน์ตานานเกินไป ควรเว้นระยะบ้าง หากต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ก็ควรนั่งให้ห่างในระยะที่เหมาะสม ปรับแสงสว่างหน้าจอให้พอดี หยุดพักสายตาบ้าง โดยการมองไปที่ไกลๆ เป็นระยะๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อตาผ่อนคลาย กระพริบตาถี่ๆ เป็นระยะๆ เพื่อช่วยให้ตาชุ่มชื้น เพิ่มน้ำหล่อลื่นเลี้ยงภายในดวงตา


อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยถนอมและดูแลรักษาดวงตาให้ใช้งานได้นานขึ้น ก็คือการเลือกรับประทานอาหารที่มีผลช่วยในการบำรุงและถนอมดวงตา อาหารที่มีสารแอนติออกซิแดนท์ ซึ่งพบมากในผักและผลไม้ต่างๆ รวมไปถึงผัก ผลไม้ที่มีวิตามินเอ, ซี, อี เบตาแคโรทีน ลูทีน ซีแซนทิน และไบโอฟลาโวนอยด์ และสังกะสี ซึ่งเป็นสารกลุ่มเกลือแร่สำคัญที่ช่วยถนอมและดูแลรักษาดวงตา
มี งานวิจัยในต่างประเทศพบว่า ผลไม้ที่มีผลในการปกป้องและบำรุงสายตามากที่ สุด คือ ผลไม้ในตระกูล “เบอร์รี่” ทั้งหลาย เช่น สตรอเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ แบล็คเคอร์แรนต์ โช้คเบอร์รี่ อาซาอิเบอร์รี่ เอลเดอร์เบอร์รี่ บอยเซ็นเบอร์รี่ ฮัคเคิลเบอร์รี่  และบิลเบอร์รี่  หรือ บลูเบอร์รี่  ที่หลายคนชอบรับประทาน

ในส่วนของ บลูเบอร์รี่ นั้น มีข้อมูลว่าถูกจัดให้เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจาก นักบินของประเทศอังกฤษสังเกตพบว่าการรับประทาน
บลูเบอร์รี่ ทำให้ความสามารถ ในการมองเห็นช่วงเวลากลางคืนดีเยี่ยม และทำให้อาการเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานนานๆลดน้อยลง

ในเวลาต่อมา ได้มีการทำวิจัยเกี่ยวกับบลูเบอร์รี่กับดวงตา และพบว่าในบลูเบอร์รี่มีสารสำคัญ"แอนโธไซยานิน" ซึ่งเป็นสารไบโอฟลาโวนอยด์ที่มีสี แดงม่วงจนไปถึงน้ำเงิน มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูงเมื่อเทียบกับผักและผลไม้อื่นๆ จึงช่วยปกป้องดวงตาจากการทำลายของอนุมูลอิสระ แถมยังช่วยปกป้องเลนส์แก้วตาถูกทำลาย หรือขุ่นมัว อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อมด้วย


ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือมีผลการวิจัยพบว่า สารแอนโธไซยานินในบลูเบอร์รี่ช่วยป้องกันเส้นเลือดฝอยจากการถูก
ทำลายของอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานขึ้นตา ต้อหินและต้อกระจกได้หากควบคุมดูแลเบาหวานให้ดี นอกจากนี้ สารแอนโธไซยานินยังช่วยป้องกันอาการอ่อนล้าของดวงตา ช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืดหรือที่มีแสงน้อย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างการสังเคราะห์สารคอลลาเจน เพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังหลอดเลือดฝอย จึงเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนของเลือด


หากไม่ สามารถหาผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เหล่านี้มารับประทานได้ ก็ต้องมีการใช้ดวงตาและสายตาอย่างทะนุถนอม หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ  เพื่อป้องความเสื่อมของสายตาและโรคเกี่ยวกับดวงตาที่จะเกิดขึ้นก่อนวัยอันควร